Welcome to my blogspot

ดาวน์โหลดบทความใหม่ (dwnld)...ร.๕ กับการเสด็จประพาสประเทศอินเดีย...ขอขอบคุณบทความดีๆที่มีให้เราๆได้อ่าน เสริมปัญญา เป็นอาหารสมอง และให้ความรู้ที่ดีที่สุด­เพราะกลั่นมาจากปัญญาแท้ๆ wel 2013 come / Happy new year

หยิบข่าวมาบอก:Breaking News

r

30 มีนาคม 2553

Here are some memories from my past few years.!!! Mumbai and Indore

ยังมีควันหลงจากเมืองมุมไบ (Mumbai)และ(Indore) ที่ผ่านมาจากการไปสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติที่อินเดีย ก่อนกลับหนึ่งวันในวันที่ 30 ธันวาคม 2552 มีความคิดในใจว่าต้องการที่จะส่งไปรษณีย์อวยพรให้แก่ในหลวงของเรา ให้มีความสุขปีใหม่และหายจากการพระอาการประชวร หลวงพี่เลยได้ไปที่ Post Office ภายในเขตมหาวิทยาลัยมุมไบ และได้เขียนคำอวยพรให้แก่พระองค์ท่าน ให้ทรงพระเจริญ โดยจ่าหน้าซองถึงพระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราช นั้นเอง เป็นความห่วงใยที่เกิดจากใจจริงๆ อยากให้พระองค์หายประชวรเร็ว เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพระองค์ท่าน เพราะเป็นไปรษย์จากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย คือจากต่างประเทศ ที่หลวงพี่เขียนเองด้วยมือและส่งเองด้วยมือเองเลย นับว่าชีวิตนี้เป็นมงคลสูงสุด และจากการเป็นพระสงฆ์ที่คลองธรรม เหตุคือ จบปริญญาตรี จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ รุ่น 49 ได้รับประทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช และ จบปริญญาโท จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก เปรียบเหมือนได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีสมเด็จพระบรมโอสาธิราช ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ แต่เสียดายเอามากๆที่ไม่มีโอกาสได้เข้ารับพระทาน เพราะคิดว่าจะศึกษาปริญญาเอก ประเทศอินเดียต่อไปเลย เลยไม่ได้สึกจากพระ เพื่อเข้ารับพระราชทาน เพียงแต่ได้รับใบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ครั้งนี้คิดว่าไม่พลาดเพราะตั้งใจเข้าศึกษาปริญญาตรีเพิ่มเติมเพื่อจะได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ้งมีสมเด็จพระบรมโอสาธิราชพระราชทานให้ นับว่าเป็นความตั้งใจที่บริสุทธิ์ที่จะมีโอกาสได้รับจากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่พากเพียรมา มีรูปถ่ายได้ระลึกครั้งหนึ่งในชีวิต สิ่งนี้เองที่เป็นสิ่งต้องการ และอื่นๆก้เป็นผลพลอยได้ และนับได้อีกว่าจากชีวิตของการเป็นพระสมัยที่เรียนปริญญาตรี ที่มหาจุฬาลงกรณ วิทยาเขตแพร่ ได้มีโอกาสเข้ารับประทานของที่ระลึกในการร่วมบริจาคสร้างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ จากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ วัดปากน้ำ กรุงเทพฯ นับได้ว่าเป็นความเพียรได้สิ่งที่ดีงามเป็นมงคลแห่งชีวิตที่เลือกได้ "Our lives are the movies which our souls imagine and experiences which we choose to live, in order to learn and to evolve" "ชีวิตของเรา มี ภาพยนตร์หรือละครหนัง ที่ตัวเรา คิดเองได้ และ ประสบการณ์ที่เราเลือก ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อ เรียนรู้ และ เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง" และคนอื่นจะมากำหนดให้เราไม่ได้ เพราะคนอื่นไม่ใช่พระพรหม หรือเทวดา ผู้วิเศษ ที่จะเที่ยวไปกำหนดคนอื่นได้ คนเหมือนกัน ยกเว้นคนที่มีจิตใจมีเป็นธรรม เขาย่อมทำในสิ่งที่เป็นธรรม เป็นกุศล ต่อตัวเองและคนอื่น (คนชั่วย่อมกำหนด ให้คนชั่วด้วยกัน...คนดี ย่อมกำหนด ให้คนดีด้วยกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งแท้ในสังคมปัจจุบัน) และพระพุทธศาสนาสอนไม่ให้เชื่อเรื่องสิ่งที่งมงาย ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าต่างๆ แต่เชื่อในความดี และบุญกุศลทาง กาย วาจา ใจ เท่านั้น

เมืองอินดอรี ( Indore)
นับได้ว่าเป็นเมืองการศึกษาอีกเมืองหนึ่งเพราะมีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากมายคนอินเดียเรียกว่า เมืองน้องมุมไบนะ เจริญพอสมควร มีเครื่องบินภายในประเทศบินตรงมาเลย และรถไฟ ถนน



ที่เมืองมุมไบ สนามบินท้องถิ่น นั่งรอเครื่องขึ้นไปอินดอรี (we're waiting for takeoff)


ภายในห้องทำงาน ศาสตรจารย์ ดร. กุบตา มหาวิทยาลัยอฮิลยา เมืองอินดอรี



Picture taken at Indore 2009

มหานครมุมไบ (Mumbai Metropolis)
นับได้ว่ามีความหลากหลายในวิถีชีวิตและหลายศาสนา และเป็นศูนย์กลางธุรกิจ และ Bollywood (ภาพยนต์อินเดีย) มีหนังที่สามารถคว้ารางวัลออสก้าได้ถึง 8 รางวัล (Oscar) หรือ (Academy Awards) รางวับภาพยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในโลก คือภาพยนต์เรื่อง (Slumdog Millionaire, สลัมด็อก มิลเลียร์แนร์ คำตอบสุดท้ายอยู่ในหัวใจคุณ) และมีมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดใน 3 อันดับที่เก่าแก่ที่สุดแล้วในอินเดีย คือ มหาวิทยาลัยมุมไบ ( University of Mumbai )มหานครมุมไบมีความเปลี่ยนไปเยอะมากมีการนำระแท็กซี่ใหม่ๆมาใช้ มีการทำถนนบายพาสตัดผ่านทะเลเลย ทำให้มีมุมมองอารมณ์ในบรรยากาศที่งดงาม ถนนเส้นนี้มุ้งหน้าจากในเมืองมุมไบ เพื่อเป็นทางด่วนไปยังสนามบินท้องถิ่น และอินเตอร์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเส้นอื่นเพื่อไปเมือง นิวเดลี ได้อีกด้วย ชมภาพกันเลย

การแสดงแบบประยุกต์สมัยใหม่ในวันสัมมนาวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยมุมไบ
เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของอินเดีย

น้ำแครอท 100 % ผสมน้ำผลไม้อื่นก็ได้ หลวงพี่ชอบทานมากมาทานประจำในตลาดเมืองมุมไบ



Picture taken in Mumbai 2009

นับได้ว่าจากการเดินทางไปอินเดียรวมทั้งหมด 5 ครั้ง ครั้งละหลายเดือน หรือต่ำสุด 2 อาทิตย์ เป็นการศึกษาจากของจริงทั้งหมด และคงจะได้ไปอีกครั้งเป็นครั้งที่ 6 เพื่อเข้ารับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมคธ ในกลางปีนี้ และปี 2554 จะรับพระราชทานปริญญาบัตรอีกครั้งหนึ่ง เรียนครั้งเดียวได้ปริญญา 2 ใบเลย และจะมีวุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งใบ คือ ศศ.บ. มีความสุขจริงๆในชีวิตนี้ ทำไปเถอะอะไรก็ตามที่ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ไม่ผิดกฏหมายบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ดี ทำไปเถอะ

คำคมๆ ก่อนจบ ครั้งหน้าจะมาเขียนเรื่องดีมีคุณภาพให้ได้อ่าน "Our lives are the movies which our souls imagine and experiences which we choose to live, in order to learn and to evolve"เพราะชีวิตนี้เป็นของเราๆจึงสามารถจะเลือกเป็น เลือกทำ เลือกพูดได้ เลือกคิดได้ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นสิ่งที่ดี ไม่เบียดเบียนคนอื่น. ดูได้จากของจริงจากคนอินเดีย แม้เขาจะจนที่เราๆท่านๆเห็นกันทั่วไป แต่เป็นการจนที่ประเสริญ เพราะไม่คิดร่ำรวยจากการไปค้าขายยาเสพติด ไม่ไปทำลายคนอื่น มาคิดย้อนดูจากของเราแล้ว บางคนบ้านใหญ่โตมีฐานะแต่ร่ำรวย แต่ไม่รู้ว่ามาจากค้าขายยาเสพติดหรือเปล่า ไม่รู้นะว่าใครพูดหว่านๆไป เพราะชีวิตนี้ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว เพราะมีการจับยาเสพติดแต่ละครั้งเยอะมาก มีเงินสามารถซื้อความเคารพนับถือของคนในสังคมได้ ซื้อได้ทุกอย่าง คนบางคนเมื่อเงินตกใส่สามารถ....? เพราะพระมีหน้าที่สั่งสอนให้ญาติโยมให้พ้นจากอบายมุข ไม่ได้เกินหน้าที่นะ ทำตามหน้าที่ความเป็นพระ โกรธกันไม่ได้นะ Good luck.




















10 มีนาคม 2553

ความหมายของชีวิต


ชีวิตอันหลากหลายในโลกใบใหญ่นี้ความหมายที่แท้จริงอยู่ที่การเข้าใจสรรพสิ่งว่าเป็นสิ่งเดียวกันกับปรมัตถ์สัจจะ ซึ่งหมายถึง ความจริงตามกฏธรรมชาติเป็นความจริงสากล ไม่กาลเวลา ไม่เลือกสถานและบุคคล เพราะทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามกฏนี้ทั้งหมด คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และความจริงของชีวิตอีกระดับคือ ระดับสมมุติ เรียกว่าสมมุติสัจจะ เช่น ชื่อเป็นนามที่ใช้เรียกแทนตัวตนของเราเท่านั้น อาจจะไม่ใช่ตัวตนของตนเองก็ได้ เพราะเราสมมุติชื่อเรียกสิ่งต่างๆไปเองนั้นเอง พระพุทธเจ้าจึงเป็นเอกองค์ทางด้านวิจัยชีวิตอย่างแท้จริง เมื่อรวมทั้งสองอย่างคือ

1. ความจริงระดับปรมัตถ์ คือ ความจริงตามกฏธรรมชาติ
2. ความจริงระดับสมมุติสัจจะ คือ ความสิ่งสมมุติกันขึ้นมานั้นเอง

ชีวิตหมายถึงอะไร มีผู้รู้หลายท่านให้ได้ความหมายไว้ดังนี้
1. ราชบัณฑิตยสถาน 2542 ชีวิตหมายถึง "...ชีวิต...ความเป็นอยู่ ตรงข้ามกับความตาย" ในการดำรงชีวิตอยู่ มีลมหายใจ สามารถปฏิบัติสิ่งต่างๆได้ เราก็เรียกกันว่ามีชีวิต ซึ่งทุกชีวิตจะสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้โดยอาศัยช่องทางที่เรียกว่า " ทวาร" หรือ "อารยะภายใน 6" ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ "อารยะภายนอก 6" คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมพัสได้ทั้งกายและใจ
2. พระธรรมปิฏก (ป.อ.ประยุตโต) ชีวิตหมายถึงขันธ์ 5 ชีวิตเป็นผลรวมของ รูป และ นาม ขันธ์ 5 หมายถึง หมวด หมู่ กอง ของรูแกับนาม ที่แยกออกเป็น 5 กอง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และท่านพุทธทาส บอกว่าชีวิต เป็นเรื่องของเบญจขันธ์

ดังนั้นความหมายของชีวิตของพระพุทธศาสนา จึงหมายถึง การมีชีวิตอยู่ด้วย ความจริงระดับปรมัตถ์ และความจริงระดับสมมุติสัจจะ ที่สรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามกฏธรรมชาิต คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มี ทวารทั้ง 6 ทั้งภายในและภายนอก เป็นตัวรับสัมพัสความจริงนั้น คือ รูป รส กลิ่น เสียง เป็นต้น ดังนั้น ชีวิตจึงหมายถึง ขันธ์ 5

ชีวิตมนุษย์ยังแบ่งเป็นองค์ประกอยด้วยส่วนต่างๆ เป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ
1. ส่วนที่เป็นกาย (รูป)
2. ส่วนที่เป็นจิต (นาม)

ดังนั้นองค์ประกอบชีวิตก็คือการมี กายและจิต เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันประสานการทำงานที่สอดคล้องกันขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นันเอง เมื่อร่างกายแตกดับ กายและจิตจึงแยกออกจากกัน ชีวิตจึงหยุด กระบวนการจึงเป็นตามธรรมชาติ คือ ย่อยสลาย แล้ว เกิดใหม่ กายและจิตจึงมารวมกันประสานการทำงานร่วมกันอีกครั้ง ดังนั้นชีวิตจึงสำคัยที่ว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างทำประโยชน์ที่ดีให้กับสังคมส่วนรวมและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากน้อยเพียงใดนั้นเอง การไม่เบียดเบียนทำร้ายกันจึงเป็นตามความมุ่งหมายของพระพุทธเจ้า ศาสดาของพระพุทธศาสนา คือ มีศีล 5 เป็นหลักธรรมประกอบปรุงแต่งชีวิตให้เป็นมงคลดีงาม โดยยึดหลัก

เบญจศีล เบญจธรรม

1. เบญจศีล คือ ข้อห้าม 5 ประการ หรือ ศีล 5 นั้นเอง

2. เบญจธรรม คือ ข้อควรปฏิบัติ 5 ประการ คือ
2.1 มีเมตตากรุณาในจิตใจ ต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกไม่ไปทำร้ายทำลายเบียดเบียนคนอื่น
2.2 สัมมาอาชีพ ที่สุจริต ไม่ค้าขายยาเสพติดทำร้ายคนอื่น โดยมีชีวิตที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่น มันเป็นบาปมหันต์ ตกนรกหมกไหม้
2.3 ซื่อสัตย์ต่อกันเช่นภรรยากับสามี
2.4 มีความซื่อสัตย์สุจริต
2.5 มีสติสัมปชัญญะ ทุกขณะในการดำเนินชิวิต


สรุป องค์ประกอบของชีวิต คือ
1. ส่วนที่เป็นรูปร่างตัวตน สัมพัสและรับรู้ได้ ดด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่า กาย ( รูป)
2. ส่วนที่เป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน สัมพัสได้รับรู้ได้โดยจิต เรียกว่า จิต (นาม)

อ้างอิง
1. ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546:336)