วันที่ 23 มีนาคม 2552 ผู้เขียนถือโอกาสเดินทางไปประเทศลาวเป็นครั้งแรกเดินทางไปรูป /คนเดียว ได้เริ่มต้นที่จังหวัดขอนแก่นโดยสารรถทัวร์ระหว่างประเทศ ขอนแก่น-เวียงจันทร์ รถออก 8:00 โมงเช้า เดินทางไปถึงสถานีรถเวียงจันทร์ เวลา 11:58 เวลาฉันพอดี ฉันกลางวันเสร็จ ได้เดินทางไปสถานีรถสายเหนือ เพื่อเดินทางไปหลวงพระบาง เมื่อได้ไปถึงสถานีรถสายเหนือ สิ่งแรกที่เห็นคือ รถทัวร์ระหว่างประเทศ เวียงจันทร์- คุนหมิง รู้สึกว่าตะลึงในใจว่าที่เวียงจันทร์มีรถทัวร์ไปคุนหมิง ประเทศจีนเลยหรือ และเป็นรถแอร์ A/C ซะด้วย เมื่อก่อนคิดแต่ว่าถ้าจะไปคุนหมิง ประเทศจีน จะมีแค่ 2 ทางคือเดินทางโดยเครื่องบิน และเดินทางทางรถ คือไปทางเหนือจังหวัดเชียงราย แต่ทางนี้ไปค่อยสะดวกนักเพราะต้องล่องเรือก่อน ส่วนมากจะเป็นเรือสินค้าที่มาส่งสินค้าจากจีนที่มาขึ้นท่าน้ำโขงที่จังหวัดเชียงราย แต่พอได้ไปเวียงจันทร์ ประเทศลาว ถึงกับถึงบางอ้อ ว่าถ้าจะไปประเทศจีนสามารถมาขึ้นรถที่เวียงจันทร์ประเทศลาว ได้เลย ราคาตั๋วไปคุนหมิง 600000-800000 kip/กีบ เท่านั้นเอง เมื่อคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,800-3,000 กว่าบาทเท่านั้นเที่ยวเดียว ซึ่งต่อไปในอนาคตคนไทยที่ต้องการไปประเทศจีนเพื่อท่องเที่ยวหรืออะไรก็ตาม หรือขนส่งสินค้าไปประเทศจีน สามารถเดินทางที่ประเทศลาวได้เลย ส่วนตัวเองแล้วเคยเดินทางไป คุนหมิง เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ทางเครื่องบิน เดินทางไปเป็นกรุ๊ปทัวร์ เอาละได้จองตั๋วไปหลวงพระบาง ได้รถเวลา 19:30 น. ราคา 950000 kip/กีบ เมื่อคิดเป็นเงินไทย 300 กว่าบาทเอง เป็นรถแอร์ A/C ปรับนอน เมื่อถึงเวลาขึ้นรถมีชาวต่างชาติเช่นญี่ปุ่น อังกฤษ เป็นต้น เป็นอันว่าไม่ได้เป็นชาวต่างชาติรูป/คนเดียว ที่ได้เดินทางในรถเที่ยวนี้ หรือ Trip นี้ การเดินทางได้บรรยากาศเป็นอันมากเพราะเวลา 22:20 ฝนตกตลอดทาง Trip นี้จึงได้บรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่ง ถนนคอนกรีตตลอดสาย มีโค้งหักศอก ประมาณ 100 กว่าโค้ง วิ่งไปได้หน่อยรถก็วิ่งโคงไปตามถนนโคงหักศอกซะด้วย ยิ่งกว่าถนนแม่ฮ่องสอนของเรา แต่ไม่เวียนหัว หรือเมารถ ตลอดทางได้มีคนลาวแนะนำหรือคุยกันบนรถตลอด รถจอดพักเวลา 24:20 น. รถจอดพักให้ผู้โดยสารกินข้าว-เข้าห้องน้ำ 20 นาที ฝนยังตกอยู่ เดินทางถึง หลวงพระบาง ตี 5:20 น. นั่งรอที่สถานีรถบ้านนาหลวง,หลวงพระบางจนถึงเช้า ของวันที่ 24 มีนาคม 2552 เดินออกจากสถานีรถไปยังวัดนาหลวง เดินเอาเพราะอยากชมทิวทัศน์ ตอนเดินได้พบเห็นถนนเส้นหนึ่ง เขียนไว้ว่า ถนนมิตรภาพไท-ลาว ซึ่งเป็นถนนที่ก็สร้างด้วยงบอุดหนุนของประเทศไทย มีธงชาติไทยและธงชาติลาวประดับตามถนนเส้นมิตรภาพ ซึ่งได้ถามคนประเทศลาวบอกว่าวันนี้เป็นวันที่จะมีการเปิดเป็นทางการกับทางการไทย คนประเทศลาวบอกว่าถนนเส้นนี้พระเทพ ของไทยทรงสร้าง และพระเทพทรงสร้างโรงเรียนที่หลวงพระบางอีกด้วย คนประเทศลาวทรงชื่นชมและนับถือพระองค์เป็นอันมาก จะเห็นได้ว่าคนประเทศลาวมีความนับถือสถาบันพระมหากษัตรย์ของไทยเป็นอันมาก (ดูที่รูปถ่ายประกอบ) เดินไปเลยๆก็ถึงวัดนาหลวง ตลอดทางเห็นว่าบ้านแต่ละหลังมีจานดาวเทียมทุกบ้าน ดาวเทียมจากประเทศจีนราคาไม่แพง 1,500-2,000 กว่าบาทเท่านั้น รับชมทีวีไทยได้ทุกช่อง คนลาวชอบชมทีวีไทย เดินไปได้สักพักสายตาเหลือบไปเห็นตลาดจีนซึ่งขายสินค้าที่นำมาจากจีนคนขายก็คนจีน เดินเข้าไปชมหน่อยหนึ่ง จึงเดินทางด้วยเท้าต่อไปยังวัดนาหลวง ถึงวัดนาหลวงได้แนะนำตัวกราบเจ้าอาวาส แล้วเข้าพักในอุโบสถหลังเล็กๆ สงค์น้ำ/อาบน้ำแปรงฟัน น้ำเย็นดีเสร็จแล้วเข้าพักผ่อน พระลาวเหมือนพระไทยเราคือเดินรับบาตรจากญาติโยม ทำวัตรเช้า ได้ทำวัตรเช้าและ ฉันเช้าเสร็จ เดินทางไปในตัวเมืองหลวงพระบางเวลา 8:40 น.(เช้า) เพื่อไปกราบพระธาตุภูศรี เมื่อไปถึงพบกับคณะทัวร์คนไทยสนทนากันพอสมควรได้รับคำชมว่าท่านเก่งมากที่มาคนเดียว การเดินขึ้นพระธาตุภูศรี เหนื่อยพอสมควรเพราะอยู่บนเขาต้องเดินตามขั้นบันไดหลายขั้น เมื่อเดินถึงกราบพระธาตุเสร็จนั่งพักชมวิวเมืองหลวงพระบาง ได้พบกับสามีภรรยาคู่หนึ่งชาวกรีก ได้คุยแลกเปลี่ยนสักพัก เราก็บอกว่ากำลังทำปริญญาเอก อยู่ที่มหาวิทยาลัยมคธ(Magadh University) ประเทศอินเดีย สามีฝ่ายหญิงตอบขึ้นมาว่าฉันรู้จักมหาวิทยาลัยมคธ (Magadh University) เพราะฉันเคยไปอินเดียมาก่อนไปหลายที่ ก่อนจะมาประเทศลาว เคยไปมคธ รัฐพิหาร, มุมไบ, กัตกาต้า โอ้ทำให้เราดีใจมากว่าคนกรีกรู้จักมหาวิทยาลัยมคธ (Magadh University) ได้เวลาแล้วจึงเดินลงจากวัดพระธาตุภูศรี เพื่อไปพระราชวังต่อ ที่อยู่ตรงข้ามกันแต่ปิดเพราะเป็นวันพระวันอื่นจึงชมได้แต่ไม่เป็นไร เพราะจุดมุ่งหมายเราไม่ได้เที่ยวแต่เป็นเพื่อการศึกษาด้านวัฒนธรรม,การศึกษาและพุทธศาสนาของประเทศลาวเป็นสำคัญ ผู้เขียนได้เดินเท้าไปถึงวัดศรีพระพุทธบาท ได้พบกับเณรจำนวนมากสอบถามว่า พระ-เณร กำลังสอบระดับมัธยม 1 ถึง 6 ชื่อโรงเรียนมัธยมสงฆ์วัดศรีพระพุทธบาท เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาแบบบ้านเรา มีงบจากรัฐบาลลาวอุดหนุน มีห้องสมุด มีห้องคอมพิวเตอร์ ครูส่วนใหญ่เป็นฆราวาสที่ส่วนใหญ่จบจากที่ ร.ร. มัธยมสงฆ์ แล้วไปศึกษาต่อปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยของลาวหรือเอกชนจนจบ บางส่วนก็เดินทางมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ประเทศไทย ซึ่งได้รับคำชมจากพระ-เณรประเทศลาวอย่างมากจะเห็นได้ว่าการศึกษาของคณะสงฆ์ลาวในหลวงพระบางเข้มแข็งและมีหลักสูตรที่ดีพอสมควรและการบริหารใช้ได้ มีพระ-เณร เรียนอยู่ประมาณ 800 รูป/คน ซึ่งการศึกษาของพระ-เณร ในหลวงพระบางมีอนาคตสดใสทีเดียว ได้คุยกับผู้บริหารโรงเรียนเสร็จแล้วได้บริจาคเงินช่วยการศึกษาโรงเรียนมัธยมสงฆ์จำนวนหนึ่ง ได้ใบขอบคุณ จึงเดินทางออกจากวัด ถ้าพระผู้ใหญ่ของไทยหรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คิดการไกลคือคิดจะเป็นไปเปิดศูนย์การศึกษาระดับปริญญาตรี -โท ที่เมืองหลวงพระบาง ย่อมสดใสและไปได้ไกลทีเดียว แทนที่จะให้พระ-เณร ประเทศลาวเข้ามาศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในประเทศไทย เราก็ไปเปิดศูนย์ที่เมืองหลวงพระบางเสียเลยเป็นการส่งเสริมพระ-เณร ประเทศลาวได้มีการพัฒนาการศึกษาที่ดียิ่งๆขึ้นได้เรียนรู้ศาสตร์ชั้นสูง พอถึงเวลา 11:30 น. ได้เวลาฉันกลางวันหยุดพักที่ร้านแห่งหนึ่ง ฉันเสร็จแล้วจึงได้เดินทางไปชมน้ำตกกวงสีหรือชีกวง เดินทางไปโดยรถสองแถวเล็กรับจ้างซึ่งเหมา3 คนขึ้นไปถึงจะออกรถเพราะแชร์ค่าโดยสารกันได้ราคาถูกลง ถ้าไปคนเดียวแพง ได้โดยสารไปกับชาวต่างชาติ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง รถรอรับกลับเข้าเมืองหลวงพระบางด้วยโดยให้เวลาเที่ยวชมนำตก 3 ชั่วโมง ตลอดทางจะมีภูเขาแต่ขาดต้นไม้ เพราะโดนตัดไปหมด จะมีก็แต่ต้นไม้เล็กๆ กลางๆ และมีบ้านเรือนเป็นกลุ่มๆ (ดูรูปประกอบ) ถึงน้ำตกได้เดินเข้าไปชมน้ำตกมีการเก็บตั๋วค่าเข้าไปชมและเล่นน้ำแต่ของพระเข้าไปเที่ยวได้เลยไม่เก็บตั๋วไม่เก็บเงิน ทางเดินสะดวกไปถึงน้ำตก น้ำเป็นสีฟ้าสวยดีซึ่งแปลกมาก ปรกติน้ำที่เกิดจากน้ำตกน้ำจะใสสีเหมือนน้ำธรรมดาทั่วไป แต่น้ำตกที่กวงสีน้ำเป็นสีฟ้าสวยดี มีชาวต่างชาติลงเล่นน้ำมากพอสมควร ได้เจอกับทัวร์คนไทยคุยกันหน่อยหนึ่ง จึงได้เวลาเดินทางกลับเมืองหลวงพระบาง ถึงเวลา 17:15 น. เดินเท้าหาวัดพักกลางคืนได้พักที่วัดห้อเซียง เจ้าอาวาสชื่อครูบาโพธิ์ทอง สุขะวโร ท่านเมตตาให้พักกุฏิเดียวกับท่านแต่คนละห้อง ได้ทำวัตรเย็นที่วัดห้อเซียง มีเณรหลายรูปมาพูดคุยด้วยคุยดีมาก ครูบาโพธิ์ทอง สุขะวโร ท่านก็ได้มาสนธนาด้วย ท่านพูดคุยเรื่อง สังคมเปาะเปื้อน ด้วยยุคโลกาภิวัฒ์และการสื่อสาร เหมือนเทศนาธรรม ได้ถามตอบข้อปัญหากันตลอดได้สาระมาก แล้วประมาณ 20:30 ต่างก็แยกย้ายเข้าที่พัก ถึงเวลาเช้าของวันใหม่วันที่ 25 มีนาคม 2552 ลุกอาบน้ำแปรงฟัน/สงค์น้ำ พระ-เณร ออกบิณบาตร ทำวัตรเช้ารูป/คนเดียว ฉันเช้ากับครูบาโพธิ์ทอง สุขะวโร ได้เวลาเดินทางออกเดินทางจากวัดฮ้อเซียง เวลา 9:00 น. โดยเดินเท้าไปยังราชวัง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะพอสมควร ชมพระราชวังพอประมาณ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะโดนเก็บคาเข้าชม ประมาณ 30000 kip/กีบ เลยได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกอย่างเดียว ได้พบกับสองสาวคนไทยที่ไปกันแค่สองคนอายุประมาณ 20ต้น คุยกันสักพัก แล้วเดินเท้าต่อไปยังวัดเชียงทอง กลางทางได้เจอพอค้าของป่านำน้ำผึ่งเดือน 5 ซึ่งเก็บมาจากป่านำมาขาย มาบีบเอาน้ำผึ่งกันสดๆ อยู่หน้าร้านเอเย่นซี่ตั๋วเครื่องบินและแลกเปลี่ยนเงิน คุณโยมเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงวัยสูงอายุ ได้พูดคุยกันนิดหน่อย คุณโยมได้ถวายน้ำผึ่งเดือน 5 มาหนึ่งขวด และได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกัน แล้วเดินเท้าต่อไปถึงยังวัดเชียงทอง ซึ่งมองเห็นอุโบสถเป็นสีทองอร่ามทั้งหลัง สวยมาก เดินชมสักพัก ได้ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วเดินทางด้วยเท้า( By Walk) อีกเช่นเดิมกลับไปยังวัดฮ้อเซียง แต่ขากลับได้หยุดแวะที่โรงเรียนประถมหลวงพระบาง เข้าไปดูการจัดการเรียนการสอน ได้พูดคุยคุณครูที่สอน ผู้อำนวยการไม่อยู่ไปราชการ โรงเรียนประถมในหลวงพระบาง หรือในประเทศลาว มีแค่ ประถมศึกษาปีที่ 5 ไม่มีประถม 6 เหมือนบ้านเรา ได้คุยกับคุรครูอยู่สักพักหนึ่งถ่ายรูปร่วมกัน แล้วได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งอุดหนุนโรงเรียนประถมหลวงพระบาง แล้วเดินเท้ากลับไปยังวัดฮ้อเซียง แต่ขากลับเดินไปเห็นมีถนนให้เลี้ยวซ้าย เลยลองเดินเลี้ยวซ้ายไป เอาละซีพบสองสาวคนไทยเช่ารถจักรยานปั่นรอบเมืองเวียงจันทร์ สองสาวยิ้มและทักทายก่อนปั้นต่อไป เดินเท้าไปได้สักพักสายตาเหลือบไปเห็นตลาดดารา (DARA MAKET)ชื่อนี้จริงๆ เลยลองเดินเข้าไปเป็นศูนย์แสดงสินค้าพื้นเมืองของหลงพระบางมีผ้าถุงไหม และอื่น และมีร้านขายโทรศัพท์มือถือจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่คนขายก็มาจีนเดินทางมาจากเมืองคุนมิง นั้นเอง รถยนต์ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากจีนเหมือนกัน ได้เวลาพอสมควรจึงเดินทางด้วยเท้า (By Walk) อีกเช่นเคย ถึงเวลา 11:30 น. ได้หยุดรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านส้มตำ ไก่ย่าง ริมน้ำโขง ฉัน/รับประทานเสร็จ จึงได้เดินทาง (By Walk) เหมือนเดิมไปถึงยังวัดฮ้อเซียง สงค์น้ำ/อาบน้ำแก้ร้อน พักผ่อนจนถึง 15:00 น. เตรียมตัวเพื่ออกเดินทางไปยังสถานีรถบ้านนาหลวง ก่อนนออกจากวัดได้พูดคุยกับพระท่านหนึ่ง ท่านคุยดีมาก ท่านชงกาแฟให้ฉัน/ดื่ม คุยกันได้สักพักจนถึง 16:00 จึงได้กราบลาเจ้าอาวาสครูบาโพธิ์ทอง พร้อมบริจาคเงินช่วยเหลือค่าสร้างศาลาไปนิดหน่อย แล้วเดินทางออกจากวัดฮ้ฮเซียง ที่นี้ไม่เดินแล้วนั่งสามล้อเครื่องไปยังสถานีรถบ้านนาหลวง เพราะหนทางไกลสมควร ขึ้นรถไปยังเวียงจันทร์ เพื่อนั่งรถทัวร์ กลับเข้าประเทศไทย ไปถึงสถานีรถบ้านนาหลวง ได้ตีตั๋วกลับเวียงจันทร์ ได้รถเวลา 19:30 น. รถแอร์ A/C VIP นั่งรอรถที่สถานี ได้เจอกับ โยมสองสาวคนไทยที่จะเดินทางกลับไปเวียงจันทร์เพื่อกลับเข้าไทยเหมือนกัน สองสาวได้รถเที่ยวเดียวกัน สรุปว่าขากลับได้กลับกับคนไทยด้วยกัน ขากลับอีกเช่นเคยได้ทอสอบทาง 100 โค้งหักศอก อีกเช่นเคยตลอดทาง รถจอดแวะกลางทางเพื่อรับประทานอาหาร เวลา 24:20 น. ลมแรงฝนตกนิดๆ เดินทางต่อไปยังเวียงจันทร์ กำลังหลับบนรถสบาย รู้สึกว่ารถได้จอดนานพอสมควร จึงเดินลงจากรถ พบรถทัวร์ที่มุ่งหน้าไปเวียงจันทร์เหมือนกัน ที่ออกมาจากหลวงพระบาง เวลา 18:45 น. ตกอยู่ริมทางถนนรถเสียหลักนิดน้อย อยู่ใกล้ๆบ้านคน ไม่ชนเข้ากับอะไรและไม่พลิกคว่ำ ผู้โดยสารยังยิ้มได้ไม่มีบาดเจ็บ ผู้โดยสารช่วยกันยู้รถหรือลากรถเพื่อให้พ้นขี้โคลนซึ่งล้อติดอยู่ (ถนนที่ไปหลวงพระบางไม่น่ากลัวอย่างที่คิดแม้จะมี 100โค้งหักศอก อย่าได้กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุตกเหวตกเขาเพราะถนนตัดเข้ามาข้างในลึกมากและมองไม่มีข้างล่าง) ซึ่งทำได้สำเร็จ รถสามารถเดินทางต่อไปได้ แล้วขึ้นรถเดินทางต่อไปถึงเวียงจันทร์โดยสวัสดิภาพ (สะบายดี) ถึงเวียงจันทร์ 6:30 น. ของวันที่ 26 มีนาคม 2552 ล้าช้ากว่าเวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆแต่ไม่เป็นไร ได้เวลาฉัน/รับประทานอาหารเช้าที่เวียงจันทร์ นั่งรถไปยังสถานีสายใต้ เพื่อตีตั๋วรถทัวร์กลับเข้าไทย ได้รถเวลา 14:45 น. ก่อนกลับเวลายังอีกเยอะได้เดินทางไปยังประตูเมืองเวียงจันทร์ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ได้เดินเท้าต่อไปยังวัดธาตุ ถ้าจำไม่ผิด กราบไหว้พระธาตุแล้วเสร็จ มีกรุ๊ปทัวร์คนไทยไปเที่ยวพอสมควร เสร็จแล้วได้เวลากลับไปยังสถานีรถ ที่นี้ไม่เดินแหละนั่งสามล้อเครื่องกลับถึงสถานีรถ ได้เวลาฉัน/รับประทาน อาหารกลางวันที่สถานีรถ นั่งรอจน 14:45 น. เดินขึ้นไปยังรถทัวร์ระหว่างประเทศไทย-เวียงจันทร์ รถวิ่งถึงด้านตรวจคนเข้าเมืองหยุดตีตรา (Passport) เข้าประเทศไทย แล้วเดินทางต่อไปยังจังหวัดขอนแก่นถึงขอนแก่น 18:35 น. ถึงโดยสวัสดิภาพ Trip นี้ใช้จ่ายแค่ 3,000 บาท (ไม่มีแม่ยกถ้ามีสบายอีกเยอะฮิฮิ) ตลอดการเดินทางในเมืองหลวงพระบางและเวียงจันทร์ ได้ความรู้มากมายและได้ทั้งบุญ เมืองหลวงพระบางจึงเป็นแหล่งพระพุทธศาสนาที่ควรศึกษาอีกที่หนึ่ง (สะบายดีหลวงพระบาง).
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
2 ความคิดเห็น:
แบบนี้ก็พึ่งกลับมาถึงได้ไม่กี่วันนะสิค่ะ
หลวงพระบาง huevoscocodrilo ก็ชอบเหมือนกันค่ะ กับคำถามที่ถามว่าไปบุโรพุทโธรึเปล่าต้องที่ลิงค์นี่ค่ะ
http://wetribe.blogspot.com/2009/03/borodudur.html
จะคอยตามอ่านนะค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
อยากขอข้อมูลด้วยการไปโบโรพุทธโธด้วย กะว่านั่งเครื่องจากไทยไปลงยอกยาการ์ต้าเลย
จะพักที่ไหนได้ราคาถูกๆ และค่ารถค่ากินต่างๆขอข้อมูลด้วย
กราบนมัสการค่ะ
ที่พักถ้าที่พักถูกๆต้องที่ถนน JI Ssrowijayan ทางเข้าซอยจะมีร้านคล้ายๆ 7/11 ค่ะที่ยอกยาฯสามารถหาทัวร์ไปบุโรพุทโธได้ค่ะ ค่าเข้าชมบุโรพุทโธประมาณ 11 USD ถ้าไปกับทัวร์ก็จะได้ลดนิดหน่อยค่ะ อาหารการกิน แลกเงิน ต้องที่ถนน มาลิโบโลราคาไม่แพง ข้าวผัด ราคาประมาณ 30-40 บ.ค่ะ
อย่าลืมแลกดอลล่าร์ไปด้วยนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น