27 พฤศจิกายน 2551
เปิดโลกกว้างเปิดความคิด ผ่านการหลักรัฐศาสตร์ 3
ในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยใหม่ๆกลางๆ ทั้งของรัฐและเอกชนเปิดสาขารัฐศาสตร์ระดับปริญญาตรี กันเต็มไปหมด ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ยิ่งไปกว่านั้นมีมหาวิทยาลัยบางที่เปิดปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ หลักสูตร 1 ปี ไม่มีทำวิทยานิพธ์ หลักสูตรแบบนี้ค่าเทอมแสนแพง แต่คงจะได้แต่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ ถ้าหากมหาวิทยาลัยมุ่งที่จะผลิตบัณฑิตแบบนี้ต่อไปเพื่อเอาปริมาณมากกว่าคุณภาพก็คงไม่มีความหมายและความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีการทำวิจัย หรือวิทยานิพนธ์ ก็จะเป็นการผลิตบัณฑิตที่ไร้ทิศทางนักศึกษาที่จบมาก็ไร้คุณภาพ ครั้งที่แล้วกล่าวถึงวิชารัฐศาสตร์ ระดับปริญญาตรี ว่าควรมีหลักสูตรการทำวิจัยก่อนสำเร็จหลักสูตรสาขารัฐศาสตร์ ้ำเพื่อเพิ่มแนวความคิดให้กว้างไกล ให้มีแนวคิดการแก้ไขปัญหาของชาติ และพัฒนาบ้านเมือง ตามแนวคิดของเขาที่จับต้องได้คือเป็นรูปธรรมได้มากว่าการเรียนตามหลักสูตรจนสำเร็จการศึกษาที่เป็นนามธรรม และดีกว่าเป็นนักรัฐศาสตร์ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองอย่างเดียวหรือเรียกว่ารัฐศาสตร์นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าการเีรียนด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองอย่างเดียวแล้วจบมาไม่ดีแต่ควรจะมีสิ่งดีกว่าเดิมที่มีอยู่ เพื่อการเป็นนักรัฐศาสตร์ที่มีอุดมการณ์ตามแนวประชาธิปไตยของไทยที่มีพระมหากษัตรย์เป็นประมุข และการเป็นนักปกครองในหน่วยงานต่างๆของรัฐที่มีแนวความคิดที่กว้างไกลและแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ตามงานวิจัยที่เขาได้ทำมา ด้วยการเพิ่มเติมหลักสูตรงานวิจัยก่อนจบหลักสูตรปริญญาตรี
เปิดโลกกว้างเปิดความคิดรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง
ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ชาวอเมริกันได้พัฒนาความคิดไปอีกระดับที่เลือกตั้งให้นายบารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ตามที่ทุกคนพูดกันติดปากว่า "change" ตามคำพูดของนายบารัค โอบามา แต่ในประเทศไทย การเมืองการปกครองของรัฐบาลที่มีคนทุกสาขาเข้ามาเป็น ส.ส. และตลอดถึงเป็นนายกและรัฐมนตรี เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วก็รวมเรียกว่าเป็นรัฐศาสตร์ คือการเมืองการปกครอง ที่จะทำให้ประเทศและคนในชาติมีความเจริญก้าวหน้า ชาติทุกชาติแถบเอเชียเช่นดียวกับไทย เช่น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม เกาหลีใต้ อินเดีย เป็นต้น เขามีจิตที่พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าแต่มีจิตสำนึกทางการเมืองการปกครองที่ดีด้วย เมื่อมีการคอร์รับชั่นเกิดขึ้นหรืออะไรอื่นๆที่ไม่ดีต่อรัฐบาลก็ยอมลาออก ที่นี้มาดูว่าในเมืองไทยมีใครคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองไทยหรือไหม ก็เห็นจะมีกลุ่มหนึ่ง ที่บอกว่าการเมืองใหม่ก็เป็นการ "change" เช่นเดียวกับอเมริกา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น