ใช้ความคิดอยู่นานใช้เวลาหลายปีตลอดเวลาที่บวช ว่าคนเราเกิดมามีแต่ทุกข์ มีทุกข์ของตนเอง และทุกข์จากคนอื่นที่ทำให้เกิด ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ นี้ถ้าคนเราคิดได้มากๆๆๆ คงไม่คิดให้ทุกข์คนอื่น เพราะคนอื่นก็ชอบความสุขเช่นเดียวกับเรา เราชอบสุขแบบไหน คนอื่นก็ชอบแบบเรา ไม่มีใครอยากทุกข์ ครั้งสมัยไปอินเดีย เห็นคนอินเดียข้างถนนด้วยแล้วเกิดความรู้สึกสงสารจับใจน่าเวทนาสุดๆ ก็คือครั้งหนึ่งเห็นคนกำลังจะตายเป็นหญิงวัยกลางคน นอนกำลังจะตายอยู่ใต้ม้านั่งแถวป้ายรถเมล์ ไม่มีคนอินเดียคนไหนสนใจสักคน บอกก็แล้วไม่มีคนสนใจ เรานี้ต้องเดินไปซื้ออาหารมาให้แถมยาพารา แม้จะรู้ว่ามันสายไปเสียแล้วแต่เราทำด้วยใจกุศลผลบุญตอนนั้นจริงๆ วันรุ่งขึ้นกลับไปดูใหม่ เธอเสียชีวิตไปแล้ว อาหารและยาพารายังวางอยู่ที่เดิม เิดินไปบอกคนอื่นว่าเธอคนนั้นตายแล้ว ตรงนั้นไงแต่ไม่มีคนสนใจสักคน เขาบอกว่าจะมีคนมาเจ้าหน้าที่มาเก็บไปเผาไฟเอง นี้แหละชีวิตที่ว่าทุกข์ การไม่ให้ทุกข์คนอื่น ด้วยการแสดงน้ำใสใจจริงต่อกันนั้น เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และไม่ทำให้คนอื่นเกิดทุกข์ มีทุกข์ที่ใจ สำคัญที่สุด เมื่อทุกข์ทางใจเกิด ความทุกข์ทางกายก็เกิด คนเรามีทุกข์ทางกายกันทุกคน คือความหิว และความอยากมี อยากได้ และความทุกข์ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ มานั่งคิดดูคนไทยเราที่เป็นพรหมก็มาก แต่ที่ให้ทุกข์คนอื่นก็มีมากจะเรียกว่าพวกผีนรกก็ไม่ผิด เพราะนอกจะทำให้คนอื่นทุกข์แล้ว ยังซ้ำเติมความทุกข์ให้คนอื่น ตามสำนวนไทยที่ว่า หนีเสือ ปะจระเข้ ,หนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่เจอร้อนยิ่งกว่า, ต้องหันมาคิดว่าตัวเราถ้าเจอทุกข์ด้วยตัวเอง จะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าต้องทุกข์ระทมใจแน่นอน มีบทเพลงที่เป็นธรรมและคติเตือนใจได้อย่างดี มาดูว่าเนื้อหาดีเพียงใด
เกิดมาพึ่งกัน
เกิด เป็นคนอย่าเห็นแก่ตนแหละดี
ถึงจะมี ร่ำรวย สุข สันต์
จน หรือมีไม่เป็นที่สำคัญ
แม้รักกันพึ่งพาอย่าไปตัดไมตรี
เกิดมาพึ่งกัน ผิวพรรณ ใช่แบ่งศักดิ์ศรี
วันนี้เราอยู่คิดดูให้ดี ถึงจะจนจะมี
อย่าไปสร้างเวรกรรม
ขืนทำชั่วไป อาจต้องใช้กรรมเวร
อย่างมงายโลภหลง เพราะคงจะเกิดลำเค็ญ
สร้างบุญพระท่านคงเห็น ร่มเย็นพ้นความกังวล
ถึงวิบัติขัดสน ผลบุญนำให้
ศีลธรรมมั่นใจไม่ต้องไปกังวล
ถึงจะมีจะจนจะเกิดกุศลดลใจ.
วิเคราะห์ ตรงที่ว่า "วันนี้เราอยู่คิดดูให้ดี ถึงจะจนจะมีอย่าไปสร้างเวรกรรม"
ก็คือ เป็นคนรวยและคนจนอย่าไปสร้างความทุกข์ให้คนอื่น ก็คืออย่าไปสร้างเวรกรรมคนเราต้องพึ่งพาอาศัยกันช่วยเหลือกันทำให้คนอื่นพ้นทุกข์ด้วยการช่วยเหลือกัน ไม่คิดอกุศลต่อกัน แต่คิดสิ่งที่เป็นมงคลแก่กัน มีโฆษณาที่เป็นชีวิตจริงของคุณแม่ต้อยที่เก็บเด็กข้างถนนมาเลี้ยง แม้ตัวเองจะต้องตายด้วยโรคมะเร็งในไม่ช้า แต่ความต้องการให้เด็กเหล่านั้นพ้นจากทุกข์จึงเก็บมาเลี้ยงซึ่งคุณแม่ต้อย จึงเป็นดั่งพรหมนั้นเอง
ก็คือ เป็นคนรวยและคนจนอย่าไปสร้างความทุกข์ให้คนอื่น ก็คืออย่าไปสร้างเวรกรรมคนเราต้องพึ่งพาอาศัยกันช่วยเหลือกันทำให้คนอื่นพ้นทุกข์ด้วยการช่วยเหลือกัน ไม่คิดอกุศลต่อกัน แต่คิดสิ่งที่เป็นมงคลแก่กัน มีโฆษณาที่เป็นชีวิตจริงของคุณแม่ต้อยที่เก็บเด็กข้างถนนมาเลี้ยง แม้ตัวเองจะต้องตายด้วยโรคมะเร็งในไม่ช้า แต่ความต้องการให้เด็กเหล่านั้นพ้นจากทุกข์จึงเก็บมาเลี้ยงซึ่งคุณแม่ต้อย จึงเป็นดั่งพรหมนั้นเอง
มาคิดดูคนมีอันจะกินมากพอแล้วในไทยเราถ้าคิดจะสงเคราะห์คนสักคนคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง ที่จะทำแน่นอน มานั่งคิดถ้าคนรวยมีจิตใจที่ต้องการเห็นคนอื่นพ้นทุกข์ด้วยการช่วยเหลือเด็กด้านการศึกษา หรืออุปการะเลื้องดู ซึ่งมีไม่น้อยที่ทำอยู่ แต่น่าจะมีมากๆๆจะยิ่งดี แต่คนที่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะต้องแล้วควรจะทำอย่างยิ่ง มานั่งคิดดูคนที่ทุกข์อยู่ทำไม เจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปช่วยเหลือ ต้องรอให้เป็นข่าวก่อนจึงไปช่วย ที่ว่าไม่ใช่ทุกข์ที่เกิดจากน้ำท่วม อากาศหนาวเป็นต้น ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วด้วยงบหลวง แต่เป็นทุกข์ที่เกิดจากความอดยาก ทุกข์ที่เกิดจากความลำเข็ญ ดิ้นรน ที่แย่สุดๆ รอการช่วยเหลือจากผู้ใจบุญอย่างแท้จริง แต่ไม่ใช่ช่วยเหลือหวังสิ่งตอบแทนจากเขา อันนี้คิดดูเอาเองคิดว่าท่านๆทั้งหลายเข้าใจดีอย่างมาก
หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ที่รับรองไว้ว่าคนจะเป็นพรหมได้และจะเป็นพรหมอย่างแท้จริง
ไม่ใช่เบื้องหน้าหรือหน้ากากเป็นเหมือนพรหม แต่เมื่อถอดหน้ากากออกมากลับเป็นผีนรกชั่วร้ายมีหลักธรรมะรับรองดังนี้
พรหมวิหาร 4
1. เมตตา คือความรักปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข ทางกายทางใจ
2. กรุณา คือความปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ด้วยการช่วยเหลือ และไม่ทำให้คนอื่นมีทุกข์
3. มุทิตา คือความยินดีและส่งเสริมให้เขามีสุขยิ่งๆขึ้นคือ สุขทาง กายและใจ
4. อุเบกขา คือความรู้จักวางเฉย ไม่ซ้ำเติมคนที่ทุกข์ และไม่ให้ทุกข์์คนอื่น
สรุป คนเราเกิดมามีทุกข์กันทุกคนอยู่แล้ว อย่าทำทุกข์ให้เกิด แต่จงทำความสุขให้เิกิดแก่คนอื่นและตัวเรา เราจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพรหมอย่างแท้จริง คุณละคือพรหมหรือผีนรก.
หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ที่รับรองไว้ว่าคนจะเป็นพรหมได้และจะเป็นพรหมอย่างแท้จริง
ไม่ใช่เบื้องหน้าหรือหน้ากากเป็นเหมือนพรหม แต่เมื่อถอดหน้ากากออกมากลับเป็นผีนรกชั่วร้ายมีหลักธรรมะรับรองดังนี้
พรหมวิหาร 4
1. เมตตา คือความรักปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข ทางกายทางใจ
2. กรุณา คือความปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ด้วยการช่วยเหลือ และไม่ทำให้คนอื่นมีทุกข์
3. มุทิตา คือความยินดีและส่งเสริมให้เขามีสุขยิ่งๆขึ้นคือ สุขทาง กายและใจ
4. อุเบกขา คือความรู้จักวางเฉย ไม่ซ้ำเติมคนที่ทุกข์ และไม่ให้ทุกข์์คนอื่น
สรุป คนเราเกิดมามีทุกข์กันทุกคนอยู่แล้ว อย่าทำทุกข์ให้เกิด แต่จงทำความสุขให้เิกิดแก่คนอื่นและตัวเรา เราจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพรหมอย่างแท้จริง คุณละคือพรหมหรือผีนรก.
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
แสดงความคิดเห็น