Welcome to my blogspot

ดาวน์โหลดบทความใหม่ (dwnld)...ร.๕ กับการเสด็จประพาสประเทศอินเดีย...ขอขอบคุณบทความดีๆที่มีให้เราๆได้อ่าน เสริมปัญญา เป็นอาหารสมอง และให้ความรู้ที่ดีที่สุด­เพราะกลั่นมาจากปัญญาแท้ๆ wel 2013 come / Happy new year

หยิบข่าวมาบอก:Breaking News

r

04 มกราคม 2552

“…ประเทศไทยรับวัฒนธรรม จากประเทศตะวันตกเข้ามามาก ทำให้คนเครียด ท่านเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าหรือไม่ จงอภิปราย…”



โดย นาย นรุตม์ ศุภวรรธนะกุล
นักศึกษาปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สภาวะความเครียดเกิดจากความกดดันต่อเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เชิงบวกหรือเชิงลบ ก็ตาม เช่น ความเครียดที่เกิดจากการออกเด็ทครั้งแรก หรือ การเข้าห้องสอบ เป็นต้น ปัจจัยของการเกิดความเครียดมีหลายประการ ซึ่งเกิดจากทั้งตัวของเราเอง และสภาพความเป็นอยู่ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม ทำให้ในบางครั้งเป็นการยากที่จะบอกว่าปัจจัยเพียงตัวเดียวเป็นสาเหตุของสภาวะความเครียดทั้งหมด เนื่องจากปัจจัยเหล่านั้นมีความเกี่ยวโยงกัน จากคำกล่าวข้างต้นข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าวัฒนธรรมตะวันตกก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยประสบกับสภาวะความเครียดดังกล่าว

การรับวัฒนธรรมตะวันตกมานั้นส่งผลให้เกิดความพยายามปรับตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียดตามมา อย่างไรก็ตามการที่จะกล่าวโทษวัฒนธรรมตะวันตกทั้งหมด ย่อมไม่สมควรนัก เพราะ วัฒนธรรมตะวันตกในบางประเด็นมีประโยชน์และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ดีขึ้น เช่น การตรงต่อเวลา แต่เนื่องจากคนไทยไม่คุ้มเคยกับวัฒนธรรมดังกล่าวมากนัก การที่อยู่ในสังคมที่อาศัยการตรงต่อเวลาอย่างมาก อาจส่งผลให้เกิดความเครียดจากการปรับตัวตามมาเช่นกัน แต่ทว่าประเด็นที่สร้างผลกระทบในภาพกว้างในสังคมเมืองไทยปัจจุบันนั้น คือ การซึมซับวัฒนธรรมการบริโภคนิยมและทุนนิยมเข้ามาปนกับวิถีชีวิตของคนไทย วัฒนธรรมดังกล่าวก่อตัวจากรูปแบบวิถีชีวิตของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และแพร่กระจายผ่านสื่อหลากหลายชนิด โดยที่สื่อเหล่านั้นทำหน้าที่หลักในการสร้างความเชื่อและกล่อมให้ผู้ที่เสพย์ มีความต้องการ อยากใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาเห็นและอยากได้สินค้าที่พวกเขาพบ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศจำนวนมากก็ได้ใช้ รูปแบบของการครอบงำวัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกาไปใช้เช่นกัน เช่น การสร้างกระแสความนิยมศิลปินจากประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลี เป็นต้น วัฒนธรรมทุนนิยมและบริโภคนิยมสร้างกับดักขนาดใหญ่ขังผู้คนจำนวนมากให้ตกอยู่ในความเครียด ยิ่งไปกว่านั้นวัฒนธรรมดังกล่าวยังมอมเมาให้พวกเขาหลงเชื่อว่าวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเครียดนั้น เป็นรูปแบบชีวิตที่น่าปรารถนา ปัจจุบันสังคมเมืองจึงกลายเป็นสถานที่ที่ประชาชนมีโอกาสเสี่ยงจากความเครียดมากที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์กลางที่ซึมซับวัฒนธรรมทั้งสองดังกล่าวเข้ามาได้มากที่สุด

วัฒนธรรมทุนนิยมที่มุ่งเน้นการสร้างกำไร เงิน และ ความมั่งคั่ง โดยมองข้ามความสุขทางด้านอื่นๆ ในชีวิตของมนุษย์ ผู้คนที่ตกอยู่ในวิถีชีวิตที่มีทุนนิยมครอบงำ จะใช้เวลาเกือบทั้งหมดในชีวิตในการทำงานหนักเพื่อหาเงิน มาเติมเต็มความต้องการอย่างไม่รู้จักจบสิ้น จนในบางครั้งลืมการให้ความสำคัญแก่ครอบครัว เพื่อน การพักผ่อน หรือ แม้แต่ศีลธรรมที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคม เมื่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการหาเงิน โดยเชื่อว่าเงินสามารถซื้อหาทุกอย่างได้ในชีวิต จึงนำไปสู่การแข่งขันตั้งแต่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และ ที่ทำงาน สภาวะกดดันของการแข่งขันทำให้ชาวเมืองส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในสภาวะความเครียด และเมื่อประสบความผิดหวังมักในขณะที่ตนเองมีความกดดันมาก บางคนตัดสินใจเลือกทางออกที่ไม่เหมาะสม เช่น การฆ่าตัวตาย เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นสภาพการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้การหาความจริงใจในหมู่เพื่อนฝูงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่กลับพบเจอการชิงดีชิงเด่น หักหลัง ล้างแค้น เป็นเรื่องปกติในสังคม ทุนนิยมทำให้เราเชื่อว่าหนทางทุกอย่างที่นำมาซึ่งเงินจำนวนมหาศาลย่อมถูกต้องที่สุด ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะผิดศีลธรรมมากแค่ไหนก็ตาม

ในขณะที่วัฒนธรรมบริโภคนิยมซึ่งทำงานควบคู่กับทุนนิยมได้เป็นอย่างดีนั้น ตอกย้ำให้เราเชื่อว่าตนเองไม่เพรียบพร้อม และ ต้องหาซื้อสินค้านานาประเภทเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเสมอ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงจะไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อกระแสความนิยมในสังคมที่ถูกสร้างขึ้นอีกไม่นานก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ผู้ที่ใช้ชีวิตอิงกับกระแสสังคมก็จะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองอีกครั้ง โฆษณาหลายร้อยชิ้นทำให้เราเชื่อว่า ความงามคือการที่มีรูปร่างที่ผอมบาง ผิวขาวอมชมพู และการแต่งตัวตามกระแสสังคม สื่อโฆษณาแบบบริโภคนิยมทำให้คนหลงเชื่อว่าส่งที่พวกเขาพบเห็นในโฆษณาคือรูปแบบวิถีชีวิตที่ดี และ คนส่วนใหญ่น่าจะมีวิถีชีวิตแบบนี้ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ภาพในโฆษณาแสดงให้พวกเขาเห็น เขาอาจจะไม่สามารถเข้าสังคมหรือได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป ความเครียดเกิดจากการที่ชาวเมืองกดดันตนเอง เพราะหลงเชื่อภาพที่พวกเขาเห็นในสื่อ เชื่อในสิ่งที่กระแสสังคมบอกพวกเขา ซึ่งในบางครั้งรูปแบบวิถีชีวิตที่พบเห็นจากสื่อหรือเป็นที่นิยมในสังคม เป็นรูปแบบวิถีชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อ หยาบกระด้าง มอมเมา และ ผิวเผินเท่านั้น การกดดันตนเองเพื่อเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตนเอง เพื่อให้ได้การยอมรับจากสังคมที่ไร้ซึ่งความจริงใจ ท้ายที่สุดนำมาซึ่งความเครียด การรังเกียจตัวเอง อย่างไม่จักจบจักสิ้น

สังคมเมืองที่ถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมแบบทุนนิยมและบริโภคนิยมทำให้ คนต่างแข่งขันกันเองเพื่อหาเงินจำนวนมาก และเลือกที่จะทำร้ายกันมากกว่าที่จะร่วมมือหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน เมื่อได้ผลประโยชน์มาแล้วก็เอาเงินมาใช้จ่ายใช้สอยซื้อความสุขที่ไม่ยั่งยืนมาปรนเปรอตัวเอง และหลงเชื่อว่าความสุขที่ตนซื้อมาคือความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน วัฒนธรรมจากตะวันตกดังกล่าวทำให้คนมองข้าม ความสุขเล็กๆน้อยๆ ภายในจิตใจของเราเอง ยึดติดเฉพาะเปลือกสวยงามที่พวกเขาเห็น และ หลงเชื่อว่าข้างในย่อมดีเช่นเปลือก นอก การที่เรามีเงินจำนวนมหาศาล มีชื่อเสียงโด่งดัง มีรูปร่างหน้าตางดงาม มีตำแหน่งในที่ทำงานที่ใหญ่โต ไม่ได้นำความสุขมาให้แก่เจ้าของเสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้วความสุขอยู่ที่วิธีการคิดของแต่ละบุคคลมากกว่า ถ้าพอใจในสิ่งที่มี ไม่หลงเชื่อในสิ่งที่ผู้อื่นบอก ไม่กระเสือกกระสนอยากเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่เรา อยากได้ของที่ไม่ของเราแล้ว ความสุขก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีกับผู้อื่น และอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียเงินเพื่อซื้อความสุขด้วยเช่นกัน ถ้าในสังคมเมืองการเป็นคนทันสมัยต้องความสุขกับภาพลวงตาที่สื่อและสังคมพยายามยัดเยียดให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าขอเป็นบุคคลที่หล้าสมัย แต่สามารถมีความสุขกับสิ่งที่ตนเองมี และสามารถกำหนดชีวิตด้วยตัวข้าพเจ้าเอง ปราศจากการครอบงำทางความคิดจากกระแสสังคมที่หลอกลวงและต้องการอย่างไม่รู้จักพอ.




2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มีแนวทางในการแก้ไขไหมครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมขออนุญาตใช้บทความของอาจารย์บางส่วนเป็นไกด์ ตอบข้อสอบมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังศึกษา ไม่ใช่ก๊อปปี้นะครับ ผมต่อต้านการตัดแปะ ขอบพระคุณมากครับ