Welcome to my blogspot

ดาวน์โหลดบทความใหม่ (dwnld)...ร.๕ กับการเสด็จประพาสประเทศอินเดีย...ขอขอบคุณบทความดีๆที่มีให้เราๆได้อ่าน เสริมปัญญา เป็นอาหารสมอง และให้ความรู้ที่ดีที่สุด­เพราะกลั่นมาจากปัญญาแท้ๆ wel 2013 come / Happy new year

หยิบข่าวมาบอก:Breaking News

r

15 มกราคม 2553

เดินทางไป Conference เมือง Indore, Mumbai และ ไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์โบราณสถานทางพระพุทธศาสนาที่ Ajanta : ประเทศ India ตอนที่ 2

เมื่อพวกเราถึง เมือง Aurangabad ในตอนเช้าของวันที่ 25 ธันวาคม 2009 เรานั่งรถทัวร์จาก Indore - Aurangabad ผ่านเมืองน้อยๆที่อยู่สองข้างทาง และป่าเขา ถนนบางช่วงตัดผ่านกลางภูเขาเลย รถวิ่งผ่านเข้าไปทำให้หูหลวงพี่ฮื้อเลย สองข้างทางมีการปลูกฝ้ายเต็มไปหมดด้วย เมืองนี้เต็มไปด้วยผู้คนอีกเช่นเคย พวกเราไม่มีเวลาเดินชมเมือง พวกเราเดินทางไปยัง Bus Stand เพื่อขึ้นรถประจำทางไป Ajanta พวกเราถึงเวลา 11:oo น. เมื่อไปถึงพวกเราต้องซื้อบัตรผ่านแล้วเดินเข้าไปจะข้างในมีร้านค้าเต็มไปหมด และเดินไปอีกเพื่อขึ้นรถเมล์เพื่อไปยัง Ajanta Caves อีกที่หนึ่ง ต้องซื้อตั๋วรถอีกรอบหนึ่ง เมื่อไปถึงแล้วจะต้องซื้อตั๋วเข้าไปภายในอีกรอบหนึ่ง แม้หลายรอบจริงๆนะ เมื่อซื้อเสร็จแล้ว ได้เดินขึ้นไป เป็นภูเขาที่ตัดเป็นถนนหรือทางเดินเข้าไปเป็นฝีมือคนแน่นอน เพราะ 2000 กว่าปีไม่มีเครื่องจักรแน่นอน แต่เดินขึ้นไปไม่เหนื่อยนะ เป็นครั้งแรกที่ได้ไปไหว้พุทธศาสถานที่เป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา ที่เคยมีพระภิกษุเคยจำพรรษาอยู่ เมื่อไปถึงมีนักท่องเที่ยวเยอะมากนะทั้งคนอินเดียเอง คนยุโรป คนญี่ปุ่น เกาหลี จีน เมื่อเดินขึ้นไปแล้วหายเหนื่อยเพราะได้เห็นวิวธรรมชาติที่สวยงามมาก เมื่อเดินไปถึงทางเข้ามีการตรวจเก็บตั๋วผ่านเข้าชมภายใน เป็นสิ่งที่วิเศษสุดๆ ที่สร้างด้วยมือมนุษย์ สวยงามเหลือเกิน เหมือนกับว่าหลวงพี่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ในอดีตได้ปฏิบัติธรรม และอยากย้อนไปในอดีต คิดไปแบบนั้นจริงๆ เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นหน้าผาที่ถูกเกาะสลักเป็นห้องต่างๆ และที่เกาะสลักเป็นพระพุทธรูป มีเป็นห้องเพื่อจำวัด มีการเขียนลายพระพุทธเจ้ามากมาย คนที่ทำต้องมีจิตใจที่เลื่อมใสจริงๆจึงจะทำออกมาแบบนี้ได้เพราะต้องใช้แรงกายและสมองและฝีมือที่มากมายหักโขทีเดียว ที่จะเกาะสลักภูผาหินที่แข็งแกร่ง ให้เป็นวัดทางพระพุทธศาสนาได้ การเขียนลายภาพที่งดงามแต่เสียดาย มีเหลือให้ชมในปัจจุบันน้อยมากแต่พอมีอยู่เข้าใจว่าโดนขโมยไป และเสื่อมเสียไปตามเวลา นั้นเอง
OUT TRIP TO AJANTA CAVES.
The buddhist temples cut into rocks



การเกาะสลักที่ใช้พลังศรัทธาเลื่อมใสอย่างสูง เป็นวิชาความรู้ชั้นสูงของคนอินเดียสมัยนั้น

หลวงพี่อธิฐานขอพรให้คนไทย คนอินเดีย และคนทั่วโลกให้มีความสุข อภิบาลคุ้มครองคนดีๆ


การเกาะสลักและวาดภาพให้งดงามอลังการได้เช่นนี้
คนปัจจุบันทำไม่ได้แล้ว เป็นความรู้เก่าที่สูญหายไปที่เราไม่รู้

สัตว์โลกผู้น่ารัก ลิงป่าธรรมชาติที่อจันต้า (AjanTa)
Picture taken in Ajanta, Aurangabad Maharashtra in December 2009

เมื่อได้เดินชมแล้วจะทำให้หลวงพี่อดคิดไม่ได้ว่า ในอดีต พระสงฆ์ ที่ อจันต้าจะต้องเป็นพระอรหันต์ และทรงภูมิความรู้อย่างมาก และการใช้ชีวิตจะต้องเป็นชาติธรรม และธรรมชาติ อย่างมากเพราะ การเข้าถึงหลักธรรมได้ง่ายโดยการปฏิบัติธรรม และอยู่ห่างจากบ้านเรือนคน ทำให้จิตใจสงบ ศึกษาธรรมได้สะดวก และอดคิดไม่ได้ว่าที่นี้พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมา และปฏิบัติธรรมและสั่งสอนผู้คนอยู่ที่นี้ แน่นอนว่าเมื่อกว่า 2000 ปี ที่แล้วพระพุทธศาสนารุ่งเรืองมาก จึงได้มีงานปฏิมากรรมล่ำค่าเช่นนี้ ที่คนสร้างขึ้นมาจะต้องเลื่อมใสอย่างมาก จึงจะเกาะสลักภูผาหินให้เป็นวัดแบบนี้ได้ ซึ่งต้องใช้แรงกายและฝีมือ อย่างมาก และเวลาในการก่อสร้าง ที่ทุ่มเทให้ มาคิดอีกว่าในอดีตไม่มีโบสถ เหมือนปัจจุบันแต่พระพุทธเจ้าและสาวกทรงสอนสั่งคนให้กลับตัวกลับใจได้ และมีสิ่งล่ำค่าที่เกิดจากความศรัทธาเลื่อมใสให้เราในปัจจุบันให้ได้เห็นกัน เมื่อมองย้อนไปในอดีต ที่แห่งนี้เป็นที่สงบอย่างมาก การสัญจรไปมานั้นคงต้องเดิน และใช้สัตว์เป็นพาหนะ นั้นคือม้า ในการเดินทาง เพราะอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ที่สวยงาม มีมากมายสัตว์ป่า หลวงพี่เมื่อเดินเข้าไปภายในที่แบ่งเป็นห้องต่างๆที่เกาะสลักจากฝีมือคนแล้ว ได้ไหว้และกราบขอพรพระองค์ท่าน คิดว่าจะต้องเป็นมงคลแก่ตัวเองอีกสักครั้งหนึ่งในชีวิต การใช้ชีวิตของพระในสมัยนั้นจะต้องมีการเอื้ออารีย์ต่อกันอย่างมาก ไม่เหมือนพระในปัจจุบันที่สะสมกิเสสกัน บวชเอาผ้าเหลืองบังหน้าหากิน ค้ายาเสพติดย์ และนำสิ่งไม่ดีมาในวัด เช่นเจ้าอาวาส พระลูกวัด โดนจับยาเสพย์ติด ยาบ้า อันนี้คงไม่ทั้งหมดพระดีก็มี มาต่อ พระรูปใดสมัยนั้นรู้วิชาสิ่งใดก็ขวนขว่ายเอาวิชานั้นมาช่วยเหลือกัน อย่างเช่น การรักษาโรคด้วยสมุนไพร แน่นอนว่า วิชาสมุนไพร นั้น บิดาที่เป็นเจ้าแห่งแพทย์แผนสมุนไพรก็คือ หมอชีวกโกมารภัจ แพทย์ประจำพระพุทธเจ้านั้นเอง ที่หมอยาบ้านเราในเมืองไทยนับถือกันอย่างมาก แม้ครั้งหลวงพี่เคยไปโรงพยาบาลสงฆ์ ที่กรุงเทพฯ ก็มีรูปปั้นหมอชีวกฯ หลวงพี่มีข้อคิดว่าเวลาที่เราใช้ยาสมุนไพรนะ ขอให้นึกถึง ท่านหมอชีวกฯ และอธิฐานให้ท่านเสกยา เป็นยาที่ถูกกับโรคและให้รักษาโรคที่เป็นให้หาย ดังนี้เป็นต้น ถ้ำอจันตา (Ajanta) ในปัจจุบันเป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ที่พวกเราชาวพุทธควรได้ไปกราบไหว้สักครั้งหนึงในชีวิต หลวงพี่เดินชมไม่หมด เดินชมได้ 16-17 ห้องเท่านั้น ยังเดินกราบและชมไม่หมด ก็ต้องเดินทางกลับเพื่อเตรียมตัวไปมุมไบ (Mumbai) ต่อ พวกเราเดินทางออกจาก Ajanta แล้วกลับออกมา เดินมารอรถโดยสารข้างนอก แล้วขึ้นรถ ก่อนขึ้นรถหลวงพี่ได้เก็บภาพลิงป่าที่น่ารักดีอีกแบบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนเลย เค้าก็อยู่ของเค้า นิสัยดีจริงนะ เมื่อรถเริ่มออกจาก Ajanta เพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่เรามา หลวงพี่มองจากรถลงมามองเห็นเด็กนักเรียนอินเดียเดินกันเป็นขบวนเลย 10 คนขึ้น ก็คิดว่าคงไม่มีเงินเสียค่ารถ แน่นอนจึงเดิน ต้องจุดนี้เอง ก็ได้พูดกับ ดร.เดน ว่า รัฐบาลอินเดียน่าจะมีรถบริการฟรีแก่เด็กนักเรียนที่มาทัศนะศึกษาที่ Ajanta เพราะอะไร เพราะว่ามันไกลมากประมาณ 5-6 กิโลเมตร เลยที่เดียวกว่าจะถึง ภูผาหินเกาะสลัก อจันตา (Ajanta) และการซื้อตั๋วควรเปลี่ยนเป็นซื้อครั้งเดียวไปเลย คือ ซื้อตั๋วผ่านเข้าชมทีเดียว ต่างชาติคนละ Rs.50-100 รูปี คนอินเดีย Rs.20-40 รูปี แล้วมีรถบริการไปกลับฟรี แบบนี้ไปเลย เพราะรวมไปหมดแล้ว และนักเรียนหรือเด็กอินเดียควรมีรถบริการฟรี หรือเก็บแบบเหมารวมก็ได้เก็บแบบถูกๆ พวกเรามาถึงปากทางออกแล้วก็ยืนรอรถทัวร์และรถประจำทางหรือรถเมล์ประจำทาง เพื่อเข้าไปยังเมือง Aurangabad และไปยังสถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วไปเมืองมุมไบ ต้องขอออกตัวก่อนว่า ทำไมใช้รถประจำทางไม่ใช่รถเก๋งเหมา ก็บอกได้เลยว่าหลวงพี่ไม่มีเงินมากมาย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ได้มาด้วยความสุจริต ไม่ใช่ได้เงินมาจากการเบียดเบียนหรือโกงคนอื่น ไม่ใช่ได้มาจากการค้ายา ถึงจะมีเงินมากมายนั่งรถเหมาเพราะมันแพง แต่เงินมาจากคุณบุญลือ นิลชาติ ที่ถวายให้ (หลวงพี่จะกลับมายัง Ajanta อีกครั้งหนึ่งแน่นอน)

Picture taken in Aurangabad, Maharashtra in December 2009

(Mumbai) เพื่อจะได้พักผ่อนและเยี่ยมเยียน ท่าน Prof.Dr. Harichandan และครอบครัวของท่าน ซึ่งท่านเป็นผู้บริหารคนใหม่แล้วของมหาวิทยาลัยมุมไบในตำแหน่ง (Institute of Distance and open learning : IDOL ,University of Mumbai) ก่อนไปหลวงพี่อีเมล์ E-mail หาท่านก่อน ท่านตอบว่ายินดีที่จะได้พบกันอีก ครั้งหน้าจะกลับมาเล่าต่อในการ Conference at University of Mumbai.
เพิ่มรูปภาพ

1 ความคิดเห็น:

cocodrilo ^_^ กล่าวว่า...

ที่เที่ยวนี้ น่าสนใจมากๆ ตอนนี้เปรี้ยวเองก็อ่านไกด์บุ๊คอินเดียอยู่เลย เวลาเดินเร็วจริงๆ จนทำอะไรไม่ทัน หุหุ แต่ที่แน่จดชื่อเมืองนี้ไว้แล้ว เดี๋ยวไปบ้าง อิอิ